แม้ชีวิตในวันนี้ของท่านอาจารย์ จะต้องอยู่กับความเจ็บป่วยตามเหตุปัจจัยแห่ง
ธรรมชาติ แต่ก็เป็นความเจ็บป่วยที่ไม่เคยแยกห่างออกจากธรรมะ จนกล่าวได้ว่า
ท่านพร้อมแล้วที่จะปฏิบัติแห่งพุทธทาสภิกขุ ตราบวาระสุดท้ายของชีวิต ตาม
รอยแห่งพระบรมศาสดานั่นเอง
ธรรมชาติ แต่ก็เป็นความเจ็บป่วยที่ไม่เคยแยกห่างออกจากธรรมะ จนกล่าวได้ว่า
ท่านพร้อมแล้วที่จะปฏิบัติแห่งพุทธทาสภิกขุ ตราบวาระสุดท้ายของชีวิต ตาม
รอยแห่งพระบรมศาสดานั่นเอง
นับจากวันวิสาขบูชา ๒๔๗๕ ซึ่งพระมหาหนุ่มนาม "เงื่อม"
เริ่มต้นการเดินทางเพื่อตามรอยแห่งพระอริยเจ้ามาจนกระทั่ง
ถึงวิสาขบูชา ๒๕๓๕ นี้ การเดินทางของท่านและสวนโมกข
พลารามได้ยาวนานมาถึง ๖๐ ปีแล้ว อุดมคติอันมุ่งมั่นที่จะ
ค้นหาให้พบในวันเริ่มต้น ได้ค้นพบแล้ว ปณิธานที่จะประกาศ
ธรรมซึ่งค้นพบนั้นแก่ชนร่วมสมัย ก็ได้บรรลุแล้ว
เริ่มต้นการเดินทางเพื่อตามรอยแห่งพระอริยเจ้ามาจนกระทั่ง
ถึงวิสาขบูชา ๒๕๓๕ นี้ การเดินทางของท่านและสวนโมกข
พลารามได้ยาวนานมาถึง ๖๐ ปีแล้ว อุดมคติอันมุ่งมั่นที่จะ
ค้นหาให้พบในวันเริ่มต้น ได้ค้นพบแล้ว ปณิธานที่จะประกาศ
ธรรมซึ่งค้นพบนั้นแก่ชนร่วมสมัย ก็ได้บรรลุแล้ว
สวนโมกขพลาราม คือมรดกสำคัญที่ท่าน
อาจารย์พุทธทาส และสหายธรรมผู้ร่วมก่อตั้ง
ได้มอบไว้ให้แก่คนรุ่นหลัง สวนโมกข์ในความ
หมายของรูปธรรม อาจเปลี่ยนแปลงไปตาม
กฏเกณฑ์ของธรรมชาติ และตามเหตุปัจจัย
ของผู้อยู่หลัง แต่ความหมายในเชิงนาม
ธรรมแล้ว "สวนป่าอันเป็นกำลังแห่งความ
หลุดพ้นจากทุกข์" นี้จะไม่มีวันดับสูญ และ
ไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งอยู่ที่อำเภอไชยา หาก
สามารถจะเกิดและดำรงอยู่ในทุกๆ ที่แม้ใน
บ้านเราเอง! ด้วยธรรมะที่ท่านอาจารย์
พุทธทาสได้ปักหลักเผยแผ่อยู่ที่สวนโมกข์
เป็นเวลาถึง ๖ ทศวรรษนี้ เป็นธรรมะที่ไม่มี
วันตาย และจะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา
และสถานที่ เพราะเป็นกฏสูงสุดแห่ง
ธรรมชาติ ซึ่งพระบรมศาสดาเป็นผู้ค้นพบ
และท่านอาจารย์ คือพุทธสาวกผู้นำผ่านกาลเวลานับพันปี มาพิสูจน์ให้ประจักษ์
แก่ชนร่วมสมัยอีกครั้ง ธรรมะนี้จึงมิใช่มีอยู่เพียงที่สวนโมกข์ไชยา และมิใช่ธรรมะ
ของชาวพุทธหากคือธรรมะของมนุษยชาติ ที่จะคงคุณค่าอยู่เสมอไป ตราบเท่าที่
คนเรายังมีความทุกข์ และต้องการดับทุกข์นั้น ธรรมะนี้จะยิ่งทวีค่าทวีคูณยิ่งขึ้นอีก
ในสังคมของอนาคต ด้วยเส้นทางที่สังคมเวลานี้เดินอยู่นั้นกำกับไว้ด้วยมิจฉาทิฏฐิ
ที่มุ่งเพียงการแสวงหาความสุขจากวัตถุอย่างสุดขั้ว ธรรมะอันชี้นำทางแห่งการ
หลุดพ้นจากพันธนาการของวัตถุ จึงมีค่าดังประทีปในความมืดเช่นไรก็เช่นนั้น
อาจารย์พุทธทาส และสหายธรรมผู้ร่วมก่อตั้ง
ได้มอบไว้ให้แก่คนรุ่นหลัง สวนโมกข์ในความ
หมายของรูปธรรม อาจเปลี่ยนแปลงไปตาม
กฏเกณฑ์ของธรรมชาติ และตามเหตุปัจจัย
ของผู้อยู่หลัง แต่ความหมายในเชิงนาม
ธรรมแล้ว "สวนป่าอันเป็นกำลังแห่งความ
หลุดพ้นจากทุกข์" นี้จะไม่มีวันดับสูญ และ
ไม่จำเป็นที่จะต้องตั้งอยู่ที่อำเภอไชยา หาก
สามารถจะเกิดและดำรงอยู่ในทุกๆ ที่แม้ใน
บ้านเราเอง! ด้วยธรรมะที่ท่านอาจารย์
พุทธทาสได้ปักหลักเผยแผ่อยู่ที่สวนโมกข์
เป็นเวลาถึง ๖ ทศวรรษนี้ เป็นธรรมะที่ไม่มี
วันตาย และจะไม่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา
และสถานที่ เพราะเป็นกฏสูงสุดแห่ง
ธรรมชาติ ซึ่งพระบรมศาสดาเป็นผู้ค้นพบ
และท่านอาจารย์ คือพุทธสาวกผู้นำผ่านกาลเวลานับพันปี มาพิสูจน์ให้ประจักษ์
แก่ชนร่วมสมัยอีกครั้ง ธรรมะนี้จึงมิใช่มีอยู่เพียงที่สวนโมกข์ไชยา และมิใช่ธรรมะ
ของชาวพุทธหากคือธรรมะของมนุษยชาติ ที่จะคงคุณค่าอยู่เสมอไป ตราบเท่าที่
คนเรายังมีความทุกข์ และต้องการดับทุกข์นั้น ธรรมะนี้จะยิ่งทวีค่าทวีคูณยิ่งขึ้นอีก
ในสังคมของอนาคต ด้วยเส้นทางที่สังคมเวลานี้เดินอยู่นั้นกำกับไว้ด้วยมิจฉาทิฏฐิ
ที่มุ่งเพียงการแสวงหาความสุขจากวัตถุอย่างสุดขั้ว ธรรมะอันชี้นำทางแห่งการ
หลุดพ้นจากพันธนาการของวัตถุ จึงมีค่าดังประทีปในความมืดเช่นไรก็เช่นนั้น
สำหรับท่านอาจารย์พุทธทาส ผู้จุดดวง
ประทีปดังกล่าวให้แก่ชนร่วมยุคของท่าน
ก็เช่นกัน "พุทธทาสภิกขุ" ในความหมาย
ของรูปธรรม จะต้องเปลี่ยนแปลงไปตาม
อายุขัย แต่ในความหมายของนามธรรมแล้ว
พุทธทาสจักไม่มีวันตาย ดังบทกวีเพลงที่
ท่านได้แต่งไว้เป็นอนุสติแก่ผู้อยู่หลัง แม้
ก่อนหน้านี้เอง ท่านก็ได้เคยปรารภให้เป็น
ข้อคิดว่า จะต้องระวังมิให้สวนโมกข์และ
พุทธทาสภิกขุในความหมายแห่งรูปธรรม
กลายเป็นภูเขาหิมาลัยขวางทางแห่งการ
เห็นแจ้งของคนทั้งหลาย นั่นนคือ การศึกษา
และปฏิบัติธรรม จะต้องมุ่งที่ธรรม มากกว่า
การยึดตัวบุคคล สำนัก หรือ สถานที่ ฯลฯ
เพราะตราบเท่าที่ยังมีการปฏิบัติดี ปฏิบัติ
ชอบ โลกจะไม่เคยว่างเว้นจากพระอรหันต์
ประทีปดังกล่าวให้แก่ชนร่วมยุคของท่าน
ก็เช่นกัน "พุทธทาสภิกขุ" ในความหมาย
ของรูปธรรม จะต้องเปลี่ยนแปลงไปตาม
อายุขัย แต่ในความหมายของนามธรรมแล้ว
พุทธทาสจักไม่มีวันตาย ดังบทกวีเพลงที่
ท่านได้แต่งไว้เป็นอนุสติแก่ผู้อยู่หลัง แม้
ก่อนหน้านี้เอง ท่านก็ได้เคยปรารภให้เป็น
ข้อคิดว่า จะต้องระวังมิให้สวนโมกข์และ
พุทธทาสภิกขุในความหมายแห่งรูปธรรม
กลายเป็นภูเขาหิมาลัยขวางทางแห่งการ
เห็นแจ้งของคนทั้งหลาย นั่นนคือ การศึกษา
และปฏิบัติธรรม จะต้องมุ่งที่ธรรม มากกว่า
การยึดตัวบุคคล สำนัก หรือ สถานที่ ฯลฯ
เพราะตราบเท่าที่ยังมีการปฏิบัติดี ปฏิบัติ
ชอบ โลกจะไม่เคยว่างเว้นจากพระอรหันต์
สวนโมกข์กำเนิดขึ้นด้วยศรัทธาและปัญญาที่เห็นจริงในข้อนี้ และจะดำรงอยู่ต่อไป
ในอนาคตก็ด้วยความประจักษ์แจ้งในหลักการข้อนี้เช่นกัน
ในอนาคตก็ด้วยความประจักษ์แจ้งในหลักการข้อนี้เช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น